ประเทศเวียดนามเป็นแหล่งการลงทุนที่สามารถเติบโตได้ในระดับสูง เนื่องจากโครงสร้างประชากรส่วนใหญ่ยังอยู่ในวัยแรงงาน และค่าแรงเฉลี่ยต่ำ ทำให้สามารถดึงดูดการลงทุนจากทางฝั่งตะวันตก ให้มาตั้งฐานการผลิตในเวียดนามเป็นจำนวนมาก ทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวขึ้น สวนทางกับผลกระทบของวิกฤติโควิด-19 

      แต่ในสัปดาห์นี้ ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามได้มีการปรับตัวลง โดยปรับตัวลง 5.11% ในวันที่ 19 มกราคม 2564 ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงรับแรงขายทำกำไร หลังมีสัญญาณ ปรับเกณฑ์การซื้อขายขั้นต่ำจาก 10 หุ้น เป็น 100 หุ้น

นาทีนี้ต้องจับตามอง โอกาสในตลาดหุ้นเวียดนาม จาก 3 ปัจจัย

     ปัจจัยที่ 1. อาจมีแรงขายในระยะสั้น หลังจากตลาดปรับตัวขึ้นมามาก จากการ Margin Lending ของนักลงทุนรายย่อย ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการเตรียมเข้าสู่เทศกาลตรุษจีนของประเทศเวียดนามที่นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงในช่วงวันหยุด ทำให้เกิดการเทขายเพื่อทำกำไร เป็นโอกาสในการเข้าซื้อกองทุนเวียดนามเพื่อลงทุนระยะยาว

      ปัจจัยที่ 2. ตลาดหุ้นเวียดนามฟื้นตัวโดดเด่นที่สุดในอาเซียน โดยดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวขึ้น 83.63% จากจุดต่ำสุดที่ระดับ 649.1 จุด (31 มีนาคม 2563) สู่ระดับ 1,191.94 จุด (18 มกราคม 2564) ส่งผลต่อโอกาสในการลงทุนระยะยาว 

      ปัจจัยที่ 3. ตลาดหุ้นเวียดนามยังน่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว ทั้งในด้านภาพรวมการเจริญเติบโตของประเทศและ Valuation ของตลาด โดยคาดว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในเวียดนามจะเติบโต 20-25% ต่อปีในปี 2564-2565 ตามการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ

ติดปีกการลงทุนได้ พร้อมชี้เป้าการลงทุนในเวียดนามผ่านกองทุน KFVIET-A

      ที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนตลาดเวียดนามเป็นหลัก มีการกระจายการลงทุนในกองทุน J.P. Morgan Vietnam Opportunity Fund และกองทุน ETF อีก 2 กองทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มสภาพคล่อง รวมไปถึงมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจ แต่โดยปกติจะป้องกันความเสี่ยงร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ

     ผ่านมุมมองที่คาดว่าตลาดหุ้นเวียดนามจะผันผวนในระยะสั้น แต่ยังเติบโตเชิงโครงสร้างในระยะยาว และความได้เปรียบจากต้นทุนการผลิต FinVest แนะนำทยอยลงทุนในกองทุนเวียดนาม เพื่อการลงทุนระยะยาวเท่านั้น 

Powered by Robowealth, Medium