ลงทุนใน Healthcare อุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์แน่ๆ จาก COVID-19

หลักจากที่ในตอนก่อนหน้า เราได้พูดถึงกองทุน SSF/RMF ที่ได้รับประโยชน์จาก Covid-19 อย่างธีมเทคโนโลยีไปแล้ว (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ finvest.co.th/ssfrmf2021finvest/) คราวนี้เราจะมาแนะนำธีมการลงทุนที่ได้ประโยชน์จาก Covid กัน นั่นคือกองทุนธีม Healthcare กันครับ

สำหรับใครที่ยังไม่ได้เปิดพอร์ต สามารถอ่านวิธีเปิดพอร์ตลงทุนเพิ่มเติมได้ที่ finvest.co.th/ssf-rmf-easy
หรือสำหรับใครที่อยากออมเงินโดยมีเป้าหมายระยะกลางผ่านกองทุน SSF (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ finvest.co.th/5ssf2021)

หรือเพื่อออมเงินเพื่อการเกษียณผ่านกองทุน RMF (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ finvest.co.th/gen-y-rmf )

ทำไมกลุ่ม Healthcare ถึงได้ประโยชน์จากการมาของ Covid-19

โรคร้ายในวันนี้ จะสามารถรักษาหายได้ด้วยเทคโนโลยีได้หรือไม่ ?

เป็นเวลาหลายหมื่นปีมาแล้วที่มนุษย์พยายามไขปริศนาภายในร่างกายที่แสนลึกลับซับซ้อน เพียงเพื่อหาเหตุผลที่จะทำความเข้าใจ และนำไปสู่การรักษาโรคร้ายที่ต้องประสบพบเจอ แต่ทว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังมีโรคร้ายที่ในปัจจุบันซึ่งไม่สามารถรักษาได้โดยง่ายเช่น มะเร็ง , ธาลัสซีเมีย หรือแม้กระทั่งโรคเอดส์

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันได้มีการนำความรู้ทางด้าน “วิทยาศาสตร์ข้อมูล” อย่างเช่น การจัดการข้อมูลปริมาณมหาศาล , เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ มาหลอมรวมกับเทคโนโลยีทางด้านชีววิทยาขึ้นสูงอย่างเช่น พันธุวิศวกรรม , จีโนมิกส์ หรือชีววิทยาในระดับโมเลกุล ก่อให้เกิดการแพทย์รูปแบบใหม่” หรือที่เรียกว่า Healthcare Innovation ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นกุญแจสำคัญซึ่งทำให้มนุษยชาติมีความหวังว่าจะสามารถเอาชนะโรคร้ายในวันนี้ได้

การมาของ Covid ทำให้เทคโนโลยีทางการแพทย์พัฒนาไวขึ้น

นอกจากนี้ การระบาดของโรค Covid-19 ส่งผลให้กลุ่ม Healthcare ต้องปรับใช้เทคโนโลยีอย่างหลีกหนีไม่ได้ ซึ่งการผนวกรวมเข้ากันระหว่าง เทคโนโลยีและการแพทย์ ก่อให้เกิดการนวัตกรรมทางการแพทย์รูปแบบใหม่ๆ ขึ้นมา ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดคือการใช้ Telehealth หรือการหาหมอผ่านระบบ Video conference แทนที่จะต้องไปต่อคิวรอกันที่โรงพยาบาล จากรายงานของ McKinsey พบว่า ภายหลังจากที่มีโรคระบาดเกิดขึ้น การใช้งาน Teleheath ในปี 2021 นั้นเพิ่มสูงขึ้นถึง 38 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2019 ถึงแม้ว่า Covid จะเป็นหนึ่งตัวเร่งสำคัญ แต่เดิมทีแล้วนั้น กลุ่ม Healthcare ก็ถือว่าน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ส่วนเหตุผลที่ว่าจะเป็นอะไรนั้น ไปดูกันครับ

ปัญหาสุขภาพเป็นเรื่องสากล ส่งผลให้มีตลาดขนาดใหญ่
ปัญหาสุขภาพเป็นปัญหาสากลที่พบเจอได้ทั่วโลก ยกตัวอย่างโรคร้ายที่หลายคนคงเคยได้ยินเช่น “เบาหวาน” พบว่าในประเทศไทย มากไปกว่านั้น ในระดับสากลนั้น มีการคาดการณ์ว่าในปี 2035 จะมีผู้ป่วยเบาหวานทั่วโลกถึงเกือบ 600 ล้านคน

จากตัวอย่างที่ยกมาเป็นเพียงแค่โรคเบาหวานเท่านั้น แท้จริงแล้วประชากรทั่วโลกยังประสบกับโรคภัยอื่น ๆ อาทิ มะเร็ง , โรคหัวใจ หรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่อาจอุบัติมาใหม่ได้ในอนาคต นอกจากกลุ่มที่กำลังเผชิญกับโรคร้ายแล้ว กลุ่ม Healthcare ยังมีความต้องการซ่อนเร้นจากลูกค้าอีกกลุ่มนั่นก็คือ คนที่ต้องการป้องกันไม่ให้เกิดโรคนั่นเอง
การป้องกันก่อนเกิดโรคร้าย ง่ายกว่าการรักษา ส่งผลให้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อตรวจหาโรคก่อนที่อาการจะรุนแรง ยกตัวอย่างของการป้องกันก่อนเกิดโรคเช่น เทคโนโลยี Cologuard Test ของบริษัท Exact Sciences บริษัทด้าน Molecular diagnostic ซึ่งสามารถตรวจเชื้อมะเร็งจากอุจจาระตั้งแต่ระยะแรก ประสิทธิภาพสูงถึง 92%

หากอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันอุตสาหกรรม Healthcare Innovation FinVest มีกองทุนเด่นมาเสนออีกเช่นเคย
แน่นอนว่าการจะผลักดันอุตสาหกรรมการแพทย์สมัยใหม่ให้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดนั้น ย่อมอาศัยเงินลงทุนมหาศาลทั้งจากภาครัฐและเอกชน หากผู้อ่านได้อ่านมาถึงตรงนี้ แล้วอยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา ระบบสาธารณสุขแห่งอนาคตแน่นอนว่าทาง FinVest เองก็มีกองทุนแนะ ซึ่งลงทุนภายในธีม Healthcare Innovation มาฝากอีกเช่นเคย ซึ่งตามไปดูด้านล่างได้เลย

SCBIHEALTH(SSF) (ซื้อกองนี้คลิกที่นี่)
กองทุนธีม Healthcare Innovation แนะนำจากเรา

ปรัชญาการลงทุนของ SCBIHEALTH(SSF) คือการลงทุนใน Healthcare Innovation

SCBIHEALTH(SSF) เป็นกอง FIF ซึ่งลงทุนผ่านกองทุนหลักอย่าง Baillie Gifford Worldwide Health Innovation Fund  (ซื้อกองนี้คลิกที่นี่)โดยมุ่งเน้นไปที่การลงทุนในนวัตกรรมทางการแพทย์ (Healthcare Innovation)

Baillie Gifford ได้เริ่มตั้งคำถามกับ Healthcare ในปัจจุบันว่า “It is time to rethink what healthcare means” หรือแปลเป็นไทยว่ามันถึงเวลาหรือยังที่เราต้องคิดใหม่เกี่ยวกับความหมายของคำว่า “Healthcare” เพราะปัจจุบันนั้นได้มีการนำเทคโนโลยีข้อมูลที่ถูกพัฒนาอย่างรวดเร็วมาร่วมผนวกร่วมกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่สลับซับซ้อน
โลกเราอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อการเปลี่ยนผ่านทางการแพทย์ที่จะมุ่งสู่การขับเคลื่อนด้วยข้อมูล การรักษาเฉพาะเจาะจง และการป้องกันก่อนเกิด ?

Healthcare Innovation เป็นคำอธิบายของสิ่งเหล่านี้ อาทิ แทนที่จะพัฒนายาจากการลองผิดลองถูก (Trial and error) สู่การพัฒนายาซึ่งถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-driven) หรืออีกตัวอย่างที่น่าสนใจเช่น Next-generation sequencing หรือเรียกสั้นๆว่า NGS ซึ่งสามารถอธิบายง่าย ๆ ว่าเป็นการตรวจ DNA ขั้นสูง ลบล้างวิธีการรักษาแบบเก่าที่รักษาแบบหว่านแห (One-size-fits-all medicine)เพื่อนำไปสู่การรักษาโรคแบบเฉพาะเจาะจง (Personalized therapies) หรือแม้กระทั่งทำความเข้าใจตัวโรคจนนำไปสู่การป้องกัน (Prevention) ก็สามารถทำได้ โดย NGS ถูกคาดการณ์ว่าจะเติบโตแบบทบต้นถึง 18.5% ต่อปี (อ้างอิงจาก Brandessence market research, พฤศจิกายน 2021)

มองหาโอกาส ครอบคลุมทั้ง Value Chain

Ballie Gifford ยังเชื่ออีกว่า การเสริมซึ่งกันและกันระหว่างนวัตกรรมข้อมูลกับข้อมูลทางการแพทย์ จะสามารถทำให้ระบอบสุขภาพพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยกองทุนพยายามทำความเข้าใจทุกกระบวนการครอบคลุมทั้ง Value Chain ตั้งแต่การเข้าใจตัวโรค , การตรวจหา , การรักษา , การป้องกัน และการเพิ่มประสิทธิภาพของระบอบสาธารณสุข จากนั้นตั้งคำถามถึงแต่ละจุดของกระบวนการเหล่านี้ว่า ในอนาคตจะมีโอกาสเป็นอย่างไร ? ซึ่งทั้งหมดนี้ทำเพื่อมองหาโอกาสลงทุน

กลยุทธ์และนโยบายการลงทุนของกองทุน
เนื่องจากสิ่งที่กองทุน Baillie Gifford Worldwide Health Innovation Fund มองไปคืออนาคตของอุตสาหกรรม Healthcare และการจะเข้าใจเรื่องราวดังกล่าวไม่สามารถทำได้โดยง่าย สิ่งที่ทางทีมงานของกองทุนดังกล่าวทำเพื่อคัดเลือกหุ้นที่ดีที่สุดคือ สร้างระบบนิเวศคนที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรม ยกตัวอย่างเช่น แพทย์ , นักวิจัย , หรือนักวิทยาศาสตร์ มากไปกว่านั้นยังครอบคลุมขอบเขตการศึกษาบริษัทตั้งแต่ยังไม่จดทะเบียนเข้าตลาด โดยขยายระบบนิเวศดังกล่าวเพื่อรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด จากนั้นจึงนำข้อมูลดังกล่าวมาคัดเลือกหุ้นผ่านกรอบวิเคราะห์ด้วยรูปแบบคำถาม “What If ? ”

คัดเลือกหุ้นด้วยชุดคำถาม “What If ?” เพื่อหาผู้ชนะตัวถัดไป จากนั้นจึงลงทุนแบบ High Conviction

เพื่อค้นหา “ผู้ชนะ” ตัวถัดไปในแวดวง Healthcare ทางกองทุนจึงทำการวิเคราะห์บริษัทผ่านชุดคำถาม “What If” ตามแนวทางของ Baillie Gifford โดยชุดคำถามที่ใช้เช่น
“ทำไมต้องมีบริษัทนี้อยู่ในอนาคต?” ,
“หลักฐานที่บริษัทให้ความเอาใจใส่ต่อผู้ป่วยคืออะไร?” ,
“มั่นใจได้อย่างไรว่าบริษัทจะสร้างผลตอบแทนอย่างน้อย 2.5 เท่า ภายใน 5 ปี?”
หรือ ”ความสำเร็จของธุรกิจจะปฏิวัติอนาคต Healthcare system ได้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน?”
จากนั้นจึงทำการลงทุนด้วยกลยุทธิ์ High Conviction โดยลงทุนเพียงแค่ 25-50 บริษัทเท่านั้น

ตัวอย่างหุ้นที่ลงทุน เช่น Illumina, Moderna, M3, Sartorious และ Ambu

Illumina
บริษัทด้าน Genomics ผู้ผลิตเครื่อง DNA sequencing วิเคราะห์ความแปรปรวนทางพันธุกรรมทั้งมนุษย์และเชื้อโรค

Moderna
บริษัทด้าน mRNA Therapeutics รักษาโรคระบาด มะเร็ง โรคเกี่ยวกับหัวใจ โรคติดต่อทางพันธุกรรม โรคที่พบได้ยาก

M3
บริษัทด้าน Telemedicine ซึ่งช่วยให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายขึ้น ประหยัดเวลาลง ราคาถูกลง

Sartorious บริษัทผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้สำหรับห้องทดลอง และ Alnylam Pharmaceuticals บริษัทชีวเวชภัณฑ์จากทางสหรัฐฯ ที่มุ่งเน้นไปที่นวัตกรรมด้าน RNA สำหรับโรคที่กำหนดโดยพันธุกรรม

Ambu
ผู้พัฒนาอุปกรณ์ช่วยชีวิตด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย สำหรับการช่วยการหายใจ , การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ หรือแม้กระทั่งอุปกรณ์ที่ใช้ติดตามและวินิจฉัยโรค

ผลตอบแทนและความเสี่ยง
ผลตอบแทนของกองแม่อย่าง Baillie Gifford Worldwide Health Innovation Fund – B Acc – USD (in USD) ในช่วงสามปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 33.98% (อ้างอิง 31 ตุลาคม 2021) ซึ่งเอาชนะ MSCI ACWI ที่ได้ผลตอบแทนเพียง 18.08% ต่อปี และ SCBIHEALTH(SSF) มีความเสี่ยงระดับ 7 เนื่องจากมีการลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมเดียวคืออุตสาหกรรม Healthcare

สรุปจุดเด่น SCBIHEALTH(SSF) มีจุดเด่นที่น่าสนใจคือ

มองหา “ผู้ชนะ” รายใหม่ในธุรกิจ Healthcare โดยเน้นลงทุนในหุ้นทั่วโลกตามธีม Healthcare innovation ที่แตกต่างจากการแพทย์แบบดั้งเดิม คือมีการนำนวัตกรรมมาผนวกร่วมด้วย เพื่อผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
คัดเลือกหุ้นผ่านกรอบวิเคราะห์รูปแบบคำถาม “What If “ เช่น ความสำเร็จจะปฏิวัติอนาคต Healthcare system ได้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน” “มั่นใจได้อย่างไรว่าบริษัทจะสร้างผลตอบแทนอย่างน้อย 2.5 เท่า ภายใน 5 ปี”

ทีมลงทุนมีความเชี่ยวชาญ โดยมีทีมบริหารกองทุนระดับหัวกะทิที่มาจากหลากหลายสาขาวิชา เช่น แพทยศาสตร์ ชีวเคมี ซึ่งสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ ทีมบริหารยังถูกรายล้อมด้วยระบบนิเวศของผู้เชี่ยวชาญ ทั้งในภาคอุตสาหกรรมและภาคการศึกษา มากไปกว่านั้นยังครอบคลุมขอบเขตการศึกษาบริษัทตั้งแต่ยังไม่จดทะเบียนเข้าตลาด เพื่อศึกษาและหาโอกาสทำกำไรจากการลงทุนที่ครอบคลุมทั้ง Value Chain

ปัญหาสุขภาพเป็นปัญหาสากล ส่งผลให้ตลาดมีขนาดใหญ่ มากไปกว่านั้น Healthcare Innovation ตอบโจทย์ผู้ที่ยังไม่มีปัญหาสุขภาพอีกด้วย
.
ถ้าอยากซื้อกองหลักโดยตรงหรือผ่านกองในประเทศกองอื่น ๆ ก็สามารถซื้อผ่าน FinVest ได้เช่นเดียวกัน


กองทุนทั้งหมดนี้ สามารถซื้อผ่าน แอป FinVest กันได้เลยที่ https://finvest.onelink.me/CoWV/cd81c26c
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ Line https://lin.ee/3wINMDBsz

Follow us on Website: www.finvest.co.th

#FinVest #YourWingsYourWays


อ้างอิง
https://www.prnewswire.com/news-releases/at-18-5-cagr-next-generation-sequencing-ngs-market-size-to-hit-usd-26762-5-mn-by-2027–says-brandessence-market-research-301415264.htmlhttps://www.sweetwatersecurities.com/wp-content/uploads/2021/01/JH_Global_Life_Science_USO_Deck.pdfhttps://www.scbam.com/medias/fund-doc/summary-prospectus/SCBIHEALTH(A)_SUM.pdfhttps://www.scbam.com/medias/campaign/landing-page/SCBIHEALTH.html?utm_medium=mao&utm_source=Page&utm_campaign=SCBIHEALTH&utm_term=SCBIHEALTH#scroll3https://www.scbam.com/th/fund/morningstar/fund-information/scbrmghchttps://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/194-getting-to-know-investment-theme-from-healthcare-to-health-techhttps://www.ktam.co.th/upload/tb_fifetf_fund_doc_629_1492404544.39276_file1.pdfhttps://www.bailliegifford.com/en/ireland/professional-investor/literature-library/institutional-only-literature/philosophy-and-process/health-innovation-philosophy-and-process/https://cdn.janushenderson.com/webdocs/Fact+Sheet_Global+Life+Sciences+Fund+D+Shares_3Q21_exp+01-15-22.pdfhttps://www.janushenderson.com/en-sg/investor/product/janus-henderson-global-life-sciences-fund/https://www.principal.th/th/globalhealthinnovationhttps://care.diabetesjournals.org/content/32/12/2225?fbclid=IwAR3q-AUInOCDb0svBIqUdPhCOkP7_l1wZWLKRFZc0FS1Cjmq-KXLELa9fMEhttps://www.hfocus.org/content/2019/11/18031?fbclid=IwAR2XHlZsTkAcWSjjMflrSCVZ6UJ762ozugWZDgOODe9An3QZ3N8ivPzEjVQ

Related Posts