เป้าหมายไม่ว่าใกล้หรือไกล ต่างต้องอาศัยเงินออม
ไม่ว่าเป้าหมายของคุณจะเป็นการออมเงินเพื่อการเกษียณ ออมเงินเพื่อการศึกษาของบุตรหลาน ออมเงินเพื่อซื้อบ้านหรือที่อยู่อาศัยในอนาคต หรือกระทั่งออมเงินเพื่อใช้จ่ายความสุขในอนาคต เช่น เก็บเงินแต่งงาน ไม่ว่าเป้าหมายที่ยกมาของแต่ละคนจะเป็นอย่างไร แต่จุดร่วมสำคัญคือ ทุกเป้าหมายต่างก็ต้องอาศัยเงินออม แล้วทราบกันหรือไม่ว่า คนไทยส่วนใหญ่ออมเงินในรูปแบบใด ?
เงินเฟ้อ ศัตรูตัวฉกาจของเงินออม
จากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2020 พบว่า วิธีการที่ครัวเรือนไทย 75.4% เลือกใช้ในการออมเงินคือการเก็บเงินเป็นเงินสด ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า การออมเงินในรูปของเงินสดนั้น นอกจากเงินจะไม่ได้ทำงานแล้ว เงินที่สะสมมา มูลค่าของมันกลับยิ่งลดน้อยถดถอยลงเรื่อย ๆ จากต้นเหตุที่เรียกว่า “เงินเฟ้อ”
เงินเฟ้อ ถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของเงินออม หากอ้างอิงข้อมูลจาก ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย ความหมายของเงินเฟ้อสามารถสรุปได้ง่าย ๆ ว่า เงินเฟ้อ คือ ภาวะที่ระดับราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปในประเทศสูงขึ้นต่อเนื่อง ยกตัวอย่างง่าย ๆ ดังนี้
(ในปัจจุบันนั้น คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ร่วมกับรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ได้กำหนดข้อตกลงให้เงินเฟ้อของประเทศไทยนั้นอยู่ในช่วงระหว่าง 1-3% )
แน่นอนว่าตัวเลขดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบต่อปริมาณเงินที่ต้องออมเพื่อเดินไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจไว้ ตัวอย่างเช่น หากนางสาว FinVest ต้องการออมเงินเพื่อสร้างบ้านใหม่ในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งนางสาว FinVest คนนี้มีบ้านในใจที่ต้องการซื้อไว้แล้วนั่นคือ บ้านหลังเล็ก ๆ พร้อมสวนหลังบ้านไว้เล่นกับสุนัขคู่ใจในราคาหลังละ 1,000,000 บาท แต่ถ้าให้นางสาว FinVest ต้องพบเจอสภาวะเศรษฐกิจซึ่งเงินเฟ้อปีละ 3% นั่นหมายความว่า เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป 10 ปี บ้านหลังที่นางสาว FinVest ต้องการ จะราคาสูงขึ้นเป็น 1,343,916 บาท นั่นแปลว่าเธอคนนี้ต้องเก็บเงินเพิ่มอีก 343,916 บาทเพื่อให้สามารถซื้อบ้านหลังที่ต้องการได้อย่างที่คาดหวังไว้ แบบนี้ถึงแม้ว่าเธอจะออมเงินจนครบ 1,000,000 บาทภายในเวลา 10 ปี เมื่อถึงเธอก็ไม่สามารถซื้อบ้านตามเป้าหมายได้อยู่ดี แล้วปัญหาดังกล่าวจะมีทางออกหรือไม่ ?
จะดีกว่าไหม ถ้าไปถึงเป้าหมายได้ไวกว่าด้วย SSF
ดูวิธีซื้อ SSF หรือ RMF ผ่าน FinVest แบบสะดวก ๆ ได้ที่ Finvest.co.th/ssf-rmf-easy/
จากเรื่องราวที่กล่าวขึ้นมาด้านบน จะเห็นได้ว่า เงินเฟ้อ เป็นอุปสรรคสำคัญสู่การเดินไปถึงเป้าหมายการออมที่ตั้งใจไว้ โดยในบทความก่อนหน้า เราได้พูดถึงเครื่องมือสำคัญอย่าง RMF ซึ่งช่วยให้ถึงเป้าหมายการออมสำหรับใช้จ่ายยามเกษียณได้ง่ายขึ้น ย้อนอ่านได้ที่ finvest.co.th/gen-y-rmf/
ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงเครื่องมือที่สำคัญอีกตัวหนึ่ง ซึ่งเหมาะกับการใช้งานเพื่อไปถึงเป้าหมายการออมในระยะกลางได้ไวขึ้น เครื่องมือดังกล่าวเรียกว่า กองทุนรวมเพื่อการออม Super Saving Funds หรือย่อสั้น ๆ ว่า SSF
สำหรับรายละเอียดเจาะลึกของ SSF นั้นสามารถอ่านได้ที่ finvest.co.th/taxsaving21/ แต่ข้อกำหนดสำคัญของการซื้อที่อยากจะเน้นย้ำอีกรอบคือ SSF นั้นต้องถือให้ครบกำหนด โดยถ้าหากใช้สิทธิลดหย่อนภาษีไปแล้ว แต่ว่าเผลอขายคืนก่อนกำหนด 10 ปี ผู้ขายจะต้องคืนเงินที่ได้รับการยกเว้นภาษี พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือนของจำนวนเงินที่ได้รับการลดหย่อน และกำไรที่ได้จากการขายหน่วยลงทุน ต้องนำมานับรวมเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีอีกด้วย
ซื้อ SSF ได้เงินออมเพิ่มทันที
ทันทีที่เราซื้อ SSF จะเหมือนกับว่าเราได้เงินออมเพิ่มทันที ซึ่งเงินออมที่เพิ่มมานี้คือเงินจากการประหยัดภาษีนั่นเอง เป็นที่ทราบกันดีว่า เรื่องการลดหย่อนภาษีเป็นเรื่องที่เป็นปัจเจก เนื่องมาจากแต่ละคนมีรายรับ และรายจ่ายซึ่งสามารถนำมาลดหย่อนได้แตกต่างกัน ถ้าให้สรุปเป็นสูตรสำเร็จเลยคงทำได้ยาก ดังนั้นเพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพมากขึ้น จึงขอยกตัวอย่างไว้ด้านล่าง
แต่ก่อนที่จะอ่านเรื่องราวของสองกรณีดังกล่าว ถ้าใครยังไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บภาษีแบบขั้นบันได เราขอแนะนำให้อ่านบทความตามลิงก์นี้ finvest.co.th/ssfrmf/ เกี่ยวกับฐานภาษีแบบขั้นบันไดกันก่อน แต่ถ้าใครพร้อมแล้ว มาเริ่มกันเลย
สมมุติให้นางสาว FinVest ปัจจุบันทำงานเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ปัจจุบันรายรับของเธออยู่ที่ราว ๆ 60,000 บาทต่อเดือน เธอคนนี้ต้องการบ้านหลังเดิมที่ราคา 1,000,000 บาท ซึ่งนางสาว FinVest ตั้งใจที่จะออมเงินสำหรับเป้าหมายระยะกลางด้วยกองทุน SSF เป็นจำนวนเงิน 150,000 บาทต่อปี เพื่อให้ถึงเป้าหมายดังกล่าว เธอจึงกระจายพอร์ตการลงทุนใน 5 กองทุน SSF ที่ทางแอป FinVest แนะนำ โดยจัดสัดส่วนกองทุนแต่ละกองเป็นจำนวนเท่า ๆ กันอย่างละ 20% โดยกำหนดให้เงินได้สุทธิของเธอหลังจากหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนส่วนตัวมีค่าเท่ากับ 560,000 บาท
ถ้าหากนางสาว FinVest ไม่ซื้อ SSF เธอคนนี้จะต้องเสียภาษีเป็นจำนวนเงิน 36,500 บาท แต่ถ้าเธอซื้อ SSF เป็นจำนวนเงิน 150,000 บาท เธอต้องเสียภาษีเพียงแค่ 18,500 ส่วนต่างที่เกิดขึ้นคือ 18,000 สามารถเข้ากระเป๋าของเธอได้ทันที คิดเป็นผลตอบแทน 12% ของเงิน 150,000 ที่จ่ายไปนั่นเอง (ในกรณีที่เธอถือ SSF ไว้จนครบกำหนด ไม่ได้มีการทำผิดเงื่อนไขใด ๆ) แต่นอกจากการซื้อเพื่อลดหย่อนภาษี SSF สามารถช่วยเร่งผลตอบแทน เพื่อให้ถึงเป้าหมายได้อย่างสบายใจยิ่งขึ้น
เงื่อนไขที่ให้ถือ 10 ปี ถือเป็นข้อดีเพื่อให้เงินได้ทำงาน
เงื่อนไขสำคัญของกองทุนประเภท SSF คือผู้ที่ซื้อหน่วยลงทุน จะต้องถือหน่วยลงทุนเป็นระยะเวลา 10 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อ ถึงจะเริ่มทำการขายได้ ข้อดีของการที่มีกฎลักษณะนี้ เพื่อรณรงค์ให้คนออมเงินมากขึ้นผ่านการลงทุนในระยะกลาง จากตัวอย่างด้านบน ถ้านางสาว FinVest ซื้อกองทุน SSF ในปี 2021 และกองทุนในพอร์ตของเธอทำผลตอบแทนเฉลี่ย 8% ต่อปี เป็นเวลา 10 ปี ติดต่อกัน เงินที่เธอออมไว้จาก 150,000 บาท จะเติบโตจนกลายเป็น 323,839 บาท เพิ่มขึ้นถึง 2.15 เท่าเลยทีเดียว
ถ้า SSF มีข้อดีแบบนี้ แล้วเราควรเลือก SSF กองไหนดี ในเมื่อ SSF มีตั้งหลายกอง ?
กองทุน SSF แนะนำจากทาง FinVest
จากเรื่องราวด้านบน เราได้พูดเกริ่น ๆ ถึง 5 กองทุน SSF แนะนำจาก FinVest และแล้วก็มาถึงช่วงสำคัญที่ทางเราจะพาไปทำความรู้จักกับกองทุน SSF ซึ่งคัดคุณภาพมาแล้วอย่างดี โดยแยกประเภทตามลักษณะการลงทุนในกองทุนมาให้รู้จักกัน
รายชื่อกอง SSF ผลตอบแทนก็ได้ ลดหย่อนก็ดี เหมาะสำหรับเป้าหมายระยะกลาง แบ่งตามธีมการลงทุน
ธีมหุ้นทั่วโลก
ONE-UGG-ASSF
ซื้อกองคลิกที่นี่
ลงทุนผ่าน Baillie Gifford Worldwide Long Term Global Growth (LTGG) โดยการเฟ้นหาหุ้นเติบโตแบบก้าวกระโดดจากทั่วโลกแบบระยะยาวเพียงจำนวนหยิบมือ สอดคล้องกับชื่อกลยุทธ์ “Long Term Global Growth” เพื่อนำไปสู่การค้นพบผู้ชนะในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง ผลตอบแทนหากลงทุนตั้งแต่จัดตั้ง 77.39% และความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 6 (ข้อมูลจากแอปพลิเคชั่น FinVest วันที่ 15 พ.ย 2021) เติม link ltgg review อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม finvest.co.th/ปรัชญาการลงทุน-ระยะยาว/
ONE-DISC-ASSF
ซื้อกองนี้คลิกที่นี่
ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Baillie Gifford Worldwide Discovery Fund โดยเน้นการลงทุนในหุ้นบริษัทขนาดเล็กที่มีแนวโน้มการเติบโตที่สูงและมีแนวโน้มที่จะเป็นผู้นำธุรกิจได้ในอนาคต โดยบริษัทที่จะลงทุนต้องมีขนาด Market Cap ไม่เกิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ผลตอบแทนหากลงทุนตั้งแต่จัดตั้ง -6.84% และความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 6 (ข้อมูลจากแอปพลิเคชั่น FinVest วันที่ 15 พ.ย 2021) อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Finvest.co.th/one-ugg-ra-และ-one-disc-ra/
ธีมหุ้นเทคโนโลยี
KKP TECH-H-SSF
ซื้อกองนี้คลิกที่นี่
กองทุนเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเเละธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่มีโอกาสเติบโตในระยะยาว และจากการสร้างกลุ่ม S-curve ใหม่ โดยใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบเชิงรับ (Passive) เพื่อลดความเสี่ยงด้านการพึ่งพาความสามารถในการบริหารจัดการของทีมจัดการกองทุน ลงทุนผ่านกองทุนหลัก iShares Expanded Tech Sector ETF ผลตอบแทนหากลงทุนตั้งแต่จัดตั้ง 38.64% และความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 6 (ข้อมูลจากแอปพลิเคชั่น FinVest วันที่ 15 พ.ย 2021)
ธีมหุ้นจีน
MCHINASSF
ซื้อกองนี้คลิกที่นี่
ลงทุนในหุ้นจีนกลุ่ม Domestic Play โดยลงทุนหลากหลายธุรกิจ ตั้งแต่เครื่องดื่ม แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจการเงิน และอื่น ๆ ป้อนตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลก กองทุนนี้ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Allianz Global Investors Fund- Allianz China A-Shares ผลตอบแทนหากลงทุนตั้งแต่จัดตั้ง 33.651% และความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 6 (ข้อมูลจากแอปพลิเคชั่น FinVest วันที่ 15 พ.ย 2021) อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม finvest.co.th/mchinagd/
ธีม Healthcare
SCBIHEALTH(SSF)
ซื้อกองนี้คลิกที่นี่
ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Baillie Gifford Worldwide Health Innovation Fund (Baillie Gifford WW Hlth Innovt A USD ในแอพลิเคชั่น FinVest อ่านเพิ่มเติมได้ที่ finvest.co.th/เกาะเทรนด์-healthcare-ไปกับกองทุ/ เน้นลงทุนในหุ้นโลกตามธีม Health Innovation ที่แตกต่างจากการแพทย์แบบดั้งเดิม อาทิ การป้องกันก่อนเกิดหรือวิธีการรักษาโรคที่ยังไม่เคยถูกค้นพบ โดยลงทุนครอบคลุมทั้ง Value Chain ผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งอยู่ที่ -12.55% และความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 7 (ข้อมูลจากแอปพลิเคชั่น FinVest วันที่ 15 พ.ย 2021)
ถ้าอยากเริ่มต้นตอนนี้เพื่อไปถึงเป้าหมายในอนาคต แอปพลิเคชั่น FinVest มีทางออก
ถ้าอยากเริ่มต้นออมเงินวันนี้ เพื่อการเกษียณที่ดีในวันข้างหน้า FinVest สามารถให้นักลงทุนซื้อขายกองทุนง่าย ๆ แค่เพียงปลายนิ้ว อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ finvest.co.th/ssf-rmf-easy/
ซื้อกองธรรมดาทำได้
กองทุนข้างต้นมีนโยบายกาารลงทุนใกล้เคียงกับชื่อคุ้นหูอย่าง ONE-UGG-RA, ONE-DISC-RA, KKP TECH-H, MCHINAGA หรือ SCBIHEALTH(A) ภายใต้ธีมข้างต้นนั่นเอง
ซื้อกองแม่โดยตรงเลย ก็สามารถทำได้นะ
มากไปกว่านั้น ตอนนี้ FinVest เปิดให้นักลงทุนสามารถลงทุนผ่านกองทุนหลัก ของกองทุนต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศได้แล้ว สอดคล้องกับธีมด้านบน เช่น
หากอยากลงทุนในธีมหุ้นทั่วโลก
หากนักลงทุนอยากลงทุนใน Baillie Gifford Worldwide Long Term Global Growth (LTGG) (ซื้อกองนี้คลิกที่นี่)อ่านเพิ่มเติมได้ที่ finvest.co.th/ปรัชญาการลงทุน-ระยะยาว/ หรืออีกกองในธีมเดียวกันซึ่งน่าสนใจไม่แพ้กันคือ Baillie Gifford Worldwide US Equity Growth (ซื้อกองนี้คลิกที่นี่)
ธีมหุ้นเทคโนโลยี
หากท่านเป็นผู้ที่สนใจในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี กองทุน BGF World Technology (ซื้อกองนี้คลิกที่นี่)
หรือ BGF Next Generation Technology (ซื้อกองนี้คลิกที่นี่) ก็เป็นอีกสองกองทุนที่สามารถซื้อได้โดยตรงผ่านแอพลิเคชั่น FinVest
ธีมหุ้นจีน
หากอยากลงทุนในธีมหุ้นจีน ก็สามารถลงทุนที่ใกล้เคียงกันได้อย่างเช่น Schroder ISF China A (ซื้อกองนี้คลิกที่นี่) หรือ Mirae Asset China Growth Equity (ซื้อกองนี้คลิกที่นี่) ก็สามารถทำเองได้ง่ายๆ
ธีม Healthcare
หรือถ้าใครอยากลงทุนธีม Healthcare โดยตรงผ่านกองทุน Baillie Gifford WW Hlth Innovt A USD (ซื้อกองนี้คลิกที่นี่)
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ finvest.co.th/เกาะเทรนด์-healthcare-ไปกับกองทุ/
กองทุนทั้งหมดนี้ สามารถซื้อผ่าน แอป FinVest กันได้เลยที่
https://finvest.onelink.me/CoWV/cd81c26c
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ Line https://lin.ee/3wINMDBsz
Follow us on Website: www.finvest.co.th
#FinVest #YourWingsYourWays
—————————————————————
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.bot.or.th/Thai/MonetaryPolicy/MonetPolicyKnowledge/AnnounceMPC/AnnounceMPC_2564.pdf
https://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/articles/Pages/Article_29Jun2020.aspx
https://www.bot.or.th/App/FinancialLiteracy/ExchangeRate/02_01_glossary_inflation.pdf
http://www.nso.go.th/sites/2014/DocLib13/ด้านสังคม/สาขารายได้/การออมภาคครัวเรือน/Q4_2563.pdf
https://www.ncb.co.th/fin-knowledge/why-save-money
https://www.set.or.th/education/th/start/start_start_3_1.pdf
https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/215-adver3-mf-1b
https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/201-inflation-versus-investment-opportunity
